นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า การที่นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะจัดประชุมอาเซียนหารือประเด็นเมียนมา หรือ Track 1.5 ที่พัทยา ประเทศไทย ในวันที่ 18-19 มิ.ยคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. นี้ มองว่า การที่รัฐบาลริเริ่มกระทำเรื่องดังกล่าวในช่วงที่เป็นรัฐบาลรักษาการเป็นเรื่องไม่เหมาะสม
เขาให้เหตุผลว่า หวั่นจะกระทบกับนโยบายต่างประเทศที่ผูกพันกับไทยในอนาคต ซึ่งรัฐบาลในอนาคตอาจมีนโยบายต่างประเทศไม่เหมือนกับนายดอน ปรมัตถ์วินัย ก็ได้
สื่อนอกเผย “ดอน” ส่งจดหมายเชิญเมียนมา-อาเซียน ประชุมไม่เป็นทางการ
สื่อนอกประเมินสื่อไทย หลังได้รัฐบาลใหม่จะมีเสรีภาพสื่อมากขึ้น?
สหรัฐประกาศห้ามเจ้าหน้าที่ยูกันดาเข้าประเทศ ตอบโต้กฎหมายต่อต้าน LGBTQ
นอกจากนี้ นายเมธาบอกว่า นักการทูตส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วยกับการทำงานที่ไม่ประสบความสำเร็จในการต่างประเทศที่ผ่านมา และทำให้ภาพลักษณ์ทางการทูตไทยตกต่ำในรอบหลายปี นายดอน ปรมัตถ์วินัย จึงควรยุติบทบาทใด ๆ ในช่วงรักษาการโดยทันที
โดยเฉพาะท่าทีต่อความขัดแย้งในเมียนมา ที่ดูเหมือนว่ารัฐบาลไทยมีผลประโยชน์ทับซ้อนในหลายเรื่องที่ผูกพันกับผู้บัญชาการทหารเมียนมา ทำให้มีท่าทีที่พยายามสนับสนุนรัฐบาลทหารเมียนมาของ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย มาโดยตลอด และแต่งตั้งคนสนิทติดต่อธุระโดยตรงแทนวิถีทางการทูตที่สมควร และการแก้ไขปัญหาเมียนมาเป็นบทบาทที่อาเซียนกำลังดำเนินการแม้จะไม่มีความคืบหน้า เพราะที่ผ่านมาจัดมากี่ครั้งแล้วยังไม่เห็นความก้าวหน้าที่จะช่วยสนับสนุนการลดการใช้ความรุนแรง การแก้ ปัญหาโดยสันติวิธีและหยุุดสงครามภายใน
การประชุม Track 1.5 ที่รวมรัฐมนตรีอาเซียนและฝ่ายวิชาการของกระทรวงมีกำหนดการประชุมครั้งที่ 3 ที่ลาว แต่นายดอนกลับช่วงชิงสถานการณ์ในช่วงนี้จัดที่ไทยแทน ประเทศไทยสามารถมีบทบาทที่ก้าวหน้าได้ แต่การกระทำของรัฐบาลรักษาการนี้กำลังมีบทบาทที่ถอยหลัง เพราะเชิญชวนรัฐมนตรีทหารเมียนมามาด้วย ซึ่งกลายเป็นเครื่องมือของรัฐบาลทหารเมียนมา แทนที่จะผลักดันให้ชนกลุ่มน้อยและรัฐบาลพลัดถิ่นของเมียนมาร่วมหารือด้วยเพื่อสันติภาพ
การกระทำนี้เป็นการส่งสัญญาณการยอมรับรัฐบาลทหารเมียนมาโดยชอบด้วยกฎหมาย ทำให้บรรดาประเทศอาเซียนอื่นปฏิเสธกันทันที เพราะรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศแตกแถวจากสิ่งที่อาเซียนตกลงหลักการกันไว้ และพยายามสร้างการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายในอาเซียนโดยตรง
เป็นที่หน้าละอายที่การต่างประเทศของไทยถูกดูแคลนในยุคนี้ ตามที่มีจดหมายจากรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซีย ในฐานะประเทศประธานอาเซียน ที่เหมือนตบหน้านายนายดอน ปรมัตถ์วินัย โดยตรงว่ากระทำการไม่เหมาะสมในเรื่องนี้ รวมถึงจดหมายจากรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ที่ปฏิเสธไม่มาและบอกว่า มึนงงกับความเห็นของนายดอนที่ยืนยันไม่มีเสียงคัดค้านอย่างชัดเจนต่อข้อเสนอแนะของรัฐสมาชิกอาเซียนในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 42 เมื่อเดือนที่แล้วว่าถึงเวลาแล้วที่อาเซียนจะต้องกลับมามีส่วนร่วมกับรัฐบาลเมียนมาอย่างเต็มที่ในระดับผู้นำอีกครั้ง เพราะในความเป็นจริง ผู้นำหลายคน รวมทั้งนายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์คัดค้านข้อเสนอแนะให้เข้าร่วมกับสภาบริหารแห่งรัฐเมียนมา (SAC) เนื่องจากขาดความคืบหน้าที่สำคัญและรัฐบาลทหารเมียนมาไม่เคารพหลักการคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ 5 ข้อ
การประชุมใด ๆ ก็ตามที่จัดขึ้นภายใต้ร่มของอาเซียน ทั้งที่เป็นทางการหรือไม่เป็นทางการ ควรยืนยันและปฏิบัติตามหลักการร่วมกันอย่างเคร่งครัด จุดยืนของอาเซียนต่อเมียนมาขึ้นอยู่กับฉันทามติ 5 ประการ ที่รัฐบาลเมียนมาจะยอมรับหรือไม่ และไทยในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน ควรให้เกียรติกับประชาชนชาวเมียนมาที่กำลังต่อสู้กับรัฐบาลทหารเมียนมาในวันนี้ด้วย และหากพวกเขาเป็นรัฐบาลในวันหน้า รัฐบาลไทยในวันนี้จะมองหน้าเขาได้อย่างไร นี่คือการดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ผิดพลาดอย่างมหันต์เพราะไม่เคารพหลักการพื้นฐานที่สำคัญ โดยเฉพาะหลักการสิทธิมนุษยชนสากล